“นายวรศาสน์ อภัยพงษ์” อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้แถลงเรื่องการ จัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ กล่าวว่าเนื่องจากไทยมีความเสี่ยงในทรัพยากรน้ำ รัฐบาลจึงต้องมีกลไลในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ และมีการจัดการน้ำให้เพียงพอ
โดยเป็นระบบการจัดสรรน้ำ และสิทธิการเข้าถึงน้ำสาธารณะ ที่หมายถึง แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ ที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้นนายวรศาสน์ กล่าวอีกว่า กฏหมายได้ได้กำหนดประเภทการใช้น้ำไว้ 3 ประเภทคือ
ประเภทที่ 1 ใช้นํ้าเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้นํ้า
ประเภทที่ 2 ใช้นํ้าด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลูกบาศก์เมตร ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่พักผ่อน ร้านอาหาร เก็บค่าน้ำ 1-3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร และธุรกิจสนามกอล์ฟ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาสัมปทาน เก็บค่าน้ำไม่เกิน 3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร
ประเภทที่ 3 สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกิจการอื่นๆ ที่ใช้น้ำในปริมาณมากตามมติ ของ กนช. เก็บค่าน้ำไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อลบ.ม.
คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน จะมีผลบังคับใช้กฎหมายร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว จากนั้นภายใน 180 วัน จะออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง กับ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนทั่วประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องอัตราการเก็บค่าน้ำ ก่อนจะออกเป็นกฎกระทรวง นายวรศาสน์ กล่าว
ที่มา: kaohit