31. ที่กล่าวว่า “ สังคมไทย ” เป็นสังคมที่มีโครงสร้างแบบหลวมๆ หมายถึงข้อใด
ก. เป็นสังคมที่ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์
ข. เป็นสังคมที่ไม่มีชนชั้น
ค. ไม่ยึดระเบียบกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว
ง. มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตอบข้อ ค. สังคมไทยที่มีโครงสร้างแบบหลวมๆ คือ สังคมไม่ยึดระเบียบกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว
32. บุคคลที่มีสถานภาพหลายๆอย่างพร้องกัน จะเกิดปัญหาบทบาทขัดกัน หมายถึงข้อใดต่อไปนี้
ก. เป็นแม่ครัวภัตตาคาร แต่ต้องทำอาหารเช้าให้ลูกๆทุกเช้า
ข. เป็นตำรวจจราจร แต่ต้องคอยรับส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน
ค. เป็นสมาชิกสภาเทศบาล และเปิดบ่อนการพนันในตลาด
ง. กลางวันทำงานราชการ กลางคืนขับรถแท็กซี่หารายได้เสริม
ตอบข้อ ค. บทบาทขัดกัน เกิดจากบุคคลบางคนมีสถานภาพหลายสถานภาพซ้อนกันในเวลาเดียวกันทำให้บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบตามสถานภาพของตนต้องขัดแย้งกัน ตัวอย่างเช่น นายประชาเป็นครูและเป็นพ่อค้าเปิดร้านขายของชำ ได้จำหน่ายบุหรี่และสุราให้นักเรียนและนักศึกษาเป็นปกติเสมอๆ ดังนั้น การมีสถานภาพ 2 สถานภาพซ้อนกันของนายปรีชา จึงทำให้บทบาทขัดแย้งกัน และมีผลกระทบต่อการจัดระเบียบทางสังคม จึงควรเลือกสถานภาพที่ไม่ต้องทำให้เกิดปัญหาบทบาทขัดกัน
33. ข้อใดเป็นการขัดเกลาทางสังคมโดยอ้อม
ก. พี่สอนน้องให้รู้จักเลือกคบเพื่อนที่ดี
ข. ครูแนะวิธีให้นักเรียนเป็นคนดี
ค. แม่ดุว่ารุนแรงเมื่อรู้ว่าลูกหัดสูบบุหรี่
ง. ชมละครโทรทัศน์ส่งเสริมศีลธรรม
ตอบข้อ ง. การขัดเกลาสังคมโดยอ้อม เป็นการขัดเกลาทางอ้อมที่ผู้รับเกิดการเรียนรู้โดยไม่ได้ตั้งใจ เกิดความซึมซับสิ่งที่ดีงามเข้าไปในจิตใจของตนและกลายเป็นค่านิยมที่ดีและพึงประสงค์ เช่น ได้เห็นแบบอย่างการทำความดีของตัวละคร หรือนักร้อง นักแสดงที่ได้รับรางวัล “ ลูกกตัญญู ” เป็นต้น
ทั้งนี้สื่อที่ช่วยให้เกิดการขัดเกลาทางสังคมโดยอ้อม ได้แก่ ข่าวและละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ หนังสือนวนิยาย และรายการวิทยุ รวมทั้งการเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ ที่มีแบบอย่างพฤติกรรมที่ดีงาม
34. เมื่อสมาชิกของสังคมคนหนึ่ง ได้รับ “ สถานภาพ ” อย่างหนึ่ง สิ่งที่เขาจะได้รับตามมาคือข้อใด
ก. การยอมรับจากสังคม ข. กฎระเบียบของสถาบันสังคม
ค. สิทธิ หน้าที่ และบทบาท ง. สิทธิประโยชน์จากสังคม
ตอบข้อ ค. สถานภาพทางสังคม ( Social Status) หมายถึง ตำแหน่งของบุคคลในสังคมซึ่งได้มาจากการเป็นสมาชิกของสังคม สถานภาพจะทำให้บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบาทของตำแหน่งนั้นๆ บุคคลหนึ่งอาจจะมีหลายสถานภาพก็ได้ เช่น นายทองแดง มีสถานภาพเป็นพ่อ เป็นนักการภารโรง และเป็นผู้ปกครองนักเรียน จึงมีสิทธิและหน้าที่คลอบคลุมทั้ง 3 สถานภาพที่ยกตัวอย่างมานี้
35. โทษที่ได้รับจากการกระทำผิดจารีตประเพณี คือข้อใด
ก. ถูกล้อเลียนจากเด็ก และถูกต่อว่าจากผู้ใหญ่
ข. ถูกตำหนิต่อหน้า และถูกนินทาลับหลัง
ค. เป็นที่ขบขันของผู้ได้พบเห็น
ง. ถูกต่อต้านไม่คบหาสมาคมด้วย
ตอบข้อ ง. โทษที่ได้รับจากการกระทำผิดจารีตประเพณี จะได้รับการลงโทษจากสังคมอย่างรุนแรง เช่น ถูกรังเกียจเหยียดหยาม ถูกต่อต้านจากผู้คนในชุมชน ไม่คบค้าสมาคมด้วยเป็นต้น
36. เพราะเหตุใด การกระทำผิดจารีตประเพณี จึงถือเป็นความผิดที่รุนแรงกว่าวิถีชาวบ้าน
ก. เพราะเป็นการกระทำผิดต่อสถาบันครอบครัว
ข. เพราะมีผู้เสียหายเป็นสตรีและคนชรา
ค. เพราะเป็นการทำผิดศีลธรรมและจรรยา
ง. เพราะขัดต่อขนบประเพณีสมัยโบราณ
ตอบข้อ ค. การทำผิดจารีตประเพณีเป็นการทำผิดศีลธรรมจรรยา ส่วนการทำผิดวิถีชาวบ้านเป็นเพียงการไม่ประพฤติปฏิบัติตามแบบแผนที่สมาชิกในสังคมปฏิบัติเท่านั้น
37. นายจ้างที่ทุบตีทำทารุณกับลูกจ้างจนได้รับบาดเจ็บ ถือว่ากระทำผิดบรรทัดฐานทางสังคมข้อใด
ก. วิถีประชา ข. จารีต หรือกฎศีลธรรม
ค. กฎหมาย ง. จารีต ปละกฎหมาย
ตอบข้อ ง. โดยทั่วไปกฎหมายจะมีแนวทางความประพฤติที่สอดคล้องกับจารีต เพราะการตรากฎหมายใดๆขึ้นใช้บังคับมกจะมีพื้นฐานมาจากจารีต การทำผิดจารีตจึงมักเป็นการทำผิดกฎหมายด้วย เช่น ชายที่ล่อลวงเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ไปข่มขืนฉุดคร่าอนาจาร หรือล่วงละเมิดทางเพศ ย่อมเป็นความผิดทั้งจารีตประเพณีและกฎหมายอาญา
38. การพูดคุยในขณะเคี้ยวอาหารในปาก และซดน้ำแกงเสียงดัง ถือว่าผิดบรรทัดฐานทางสังคมข้อใด
ก. วิถีชาวบ้าน ข. จารีตประเพณี
ค. กฎศีลธรรม ง. ค่านิยม
ตอบข้อ ก. การฝ่าฝืนวิถีชาวบ้าน ไม่มีบทลงโทษอย่างรุนแรงหรืออย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ผู้ละเลยไม่ปฏิบัติตามอาจจะเพียงถูกผู้อื่นตำหนิติเตียน เยาะเย้ยถากถาง หรือนินทาว่าร้ายเท่านั้น วิถีประชาเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามยุคสมัย เช่น ผู้หญิงใส่กางเกงขายาวไปทำงานได้ เป็นต้น
39. ข้อใดจำแนกองค์ประกอบของ “บรรทัดฐานทางสังคม ” ได้ถูกต้อง
ก. จารีตประเพณี วิถีประชา และค่านิยม
ข. จารีตประเพณี วิถีชาวบ้าน และ กฎหมาย
ค. จารีตประเพณี กฎศีลธรรม และ กฎหมาย
ง. วิถีประชา ค่านิยม และกฎหมาย
ตอบข้อ ข. บรรทัดฐานทางสังคม จำแนกเป็น 3 ประการ คือ
1. วิถีประชา หรือวิถีชาวบ้าน ( Folkways) บางตำราอาจเรียกว่า “ธรรมเนียม ” หมายถึง แบบแผนความประพฤติที่สมาชิกในสังคมปฏิบัติตามความเคยชิน เช่น มรรยาทในการแต่งกาย มารยาทในการรับประทานอาหาร และมารยาททางสังคมในโอกาสต่างๆ
2. จารีต ( Mores ) บางตำราเรียกว่า “ กฎศีลธรรม ” หรือ “ จารีตประเพณี ” เป็นแบบแผนความประพฤติที่สมาชิกในสังคมจะต้องยึดถือปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆโดยเคร่งครัด เพราะมีพื้นฐานมาจากหลักคำสอนของศาสนาหรือศีลธรรมจรรยา และมีความผิดชอบชั่วดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
3. กฎหมาย ( Laws) หมายถึง กฎเกณฑ์ความประพฤติที่สร้างขึ้นโดยองค์กรทางการเมืองการปกครอง (รัฐสภา และคณะรัฐมนตรี ) และส่วนใหญ่มักเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
40. ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างไร
ก. ชุมนุมเป็นจำนวนมาก ข. ชุมนุมร่วมกันในหลายอาชีพ
ค. ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ง. ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ
ตอบข้อ ง. บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
สั่งซื้อที่ |
หน้าที่เข้าชม | 290,245 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 243,828 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |